วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

เพลงเขมรราชบุรี เถา

เพลงเขมรราชบุรี เถา

ประวัติและที่มาของทำนอง

เพลงราชบุรี อัตรา ๒ ชั้นของเกา ประเภทหน้าทับสองไม้ ใช้เป็นเพลงบรรเลงต่อกับเพลงช้าเรื่องเขมรใหญ่ เพลงช้าเรื่องเขมรใหญ่นั้นมีวิธีเรียงลำดับเพลงอยู่ ๒ แบบ เพลงหนึ่งเมื่อจบเพลงช้าเรื่องเขมรใหญ่ (คือเขมรใหญ่ เขมรน้อย และเขมรกลาง) แล้วก็ออกเพลงครวญหา และต่อด้วยเพลงวรเชษฐ์ ( คือเพลงค้างคาวกินกล้วย เป็นคนละเพลงกับเพลงบรเทศ) อีกแบบหนึ่งเมื่อจบเพลงช้าเรื่องเขมรใหญ่ ( คือเขมรเขาเขียว เขมรขาว และเขมรแดง) แล้วก็ออกสองไม้ด้วยเพลงเขมรราชบุรี ๒ ชั้น และต่อด้วยเพลงเขมรราชบุรีชั้นเดียวเป็นเพลงเร็ว เพลงเขมรราชบุรี ๒ ชั้น ที่กล่าวมานี้มีผู้นำมาขยายขึ้นเป็นอัตรา ๓ ชั้นสำหรับใช้ร้องส่งในการบรรเลงปี่พาทย์ เครื่องสาย และมโหรีหลายทางด้วยกัน โดยเฉพาะทางของครูช้อย สุนทรวาทิน แต่ไม่สู้จะได้รับความนิยมแพร่หลายเท่าใด จึงสูญไป
ราว พ.ศ.๒๔๕๒ พระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) ได้แต่งขยายเพลงเขมรราชบุรีขึ้นเป็นอัตรา ๓ ชั้น อีกทางหนึ่ง แทรกเม็ดพราย มีลูกล้อลูกขัดแปลกขึ้นกว่าที่เคยมีมา ในระหว่างที่แต่งเพลงนี้หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้มีส่วนช่วยเหลืออยู่มาก ต่อมาครูเฉลิม บัวทั่ง ปรับปรุงเฉพาะในอัตรา ๒ ชั้นและชั้นเดียว บรรเลงเป็นเพลงเถา

บทร้องเพลงเขมรราชบุรี เถา

๓ ชั้น ชะรอยกรรจำพรากต้องจากไกล จะผ่อนผันฉันใดนะอกเอ๋ย
ถ้าแม้เขามิสงสัยไม่ไปเลย จะอยู่เชยชมแก้วกัลยา
หอมกลิ่นกล้วยไม้ที่ใกล้ทาง เหมือนกลิ่นสไบนางขนิษฐา
๒ ชั้น พระเปลี่ยวเปล่าเศร้าสร้อยวิญญาณ์ เหลียวดูคูหาให้จาบัลย์
ตะลึงแลจนลับนัยน์เนตร ยิ่งอาดูรพูนเทวษโศกศัลย์
พระรีบขับอัสดรจรจรัล หมายมั่นดั้นดงตรงมา
ชั้นเดียว ครั้นถึงที่ประทับพลับพลาทอง ทหารเตรียมตั้งกองอยู่พร้อมหน้า
อันระเด่นสังคามาระตา ออกมารับเสด็จพระภูมี
อันโยธาสองเหล่าเข้าประจบ จัดกระบวนถ้วนครบอยู่ตามที่

บทละครเรื่องอิเหนา
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒

ไม่มีความคิดเห็น: